เพลงกล่อมเด็ก หมายถึง เพลงที่ร้องเพื่อกล่อมให้เด็กนั้นหลับไวขึ้น  เพลงกล่อมเด็กในแต่ละภาค มีเนื้อหาที่แตกต่างและคล้ายคลึงกันตามสภาพของแต่ละท้องถิ่น  กล่าวคือ เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็กโดยทั่วไปจะประกอบด้วย การปลอบ การขู่ การให้สินบน และการขอ ที่มีความคล้ายคลึงกัน ส่วนภาพสะท้อนของสังคมอาจจะแตกต่างกันไปตามสภาพของท้องถิ่น เราจึงพบว่าเพลงกล่อมเด็กมีอยู่​ทุกภูมิภาค ของไทย ​และ​เป็นวัฒนธรรม​ที่เกี่ยวข้อง​กับการเลี้ยงดูเด็กในสังคมไทย ​ซึ่งหากศึกษา​จะพบว่า
       ๑. เพลงกล่อมเด็กมีหน้า​ที่กล่อมให้เด็ก หลับ​โดยตรง ดังนั้น​จึง​เป็นเพลง​ที่มีทำนองฟังสบาย แสดง​ความรัก​ใคร่ห่วงใยของผู้ใหญ่​ที่มีต่อเด็ก
       ๒. เพลงกล่อมเด็กมีหน้า​ที่แอบแฝงหลายประการ อาทิ
           - การสอนภาษา ​เพื่อให้เด็กออกเสียงต่าง ๆ​ ​ได้​โดยการหัดเลียนเสียง​และออกเสียงต่างๆ​ ​ได้เร็วขึ้น​
           - ถ่าย ทอด​ความรู้ต่างๆ​ ​ได้แก่ เรื่อง​ราวเกี่ยว​กับธรรมชาติ การดำเนินชีวิต การทำมาหากินของสังคมตนเอง การสร้างค่านิยมต่าง ๆ​ รวม​ทั้งการระบายอารมณ์​และ​ความในใจของผู้ร้อง
       นอกจากนี้พบว่า ​ส่วนมากแล้ว​เพลงกล่อมเด็ก มักมีใจ​ความแสดงถึง​ความรัก​ใคร่ห่วงใยลูก ​ซึ่ง​ความรัก​และ​ความห่วงใยนี้ แสดงออกมาในรูปของการทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเก็บเด็กไว้ใกล้ตัวบทเพลงกล่อมเด็กจึง​เป็นบทเพลง​ที่แสดงอารมณ์ ​ความรัก​ความผูกพัน​ระหว่างแม่ - ลูก ​ซึ่ง​แต่ละบทมักแสดงถึง​ความรัก​ความอาทร ทะนุถนอม ​ที่แม่มีต่อลูกอย่างซาบซึ้ง



 
สามารถแบ่งเพลงกล่อมเด็กออกตามลักษณ์ของเนื้อร้องได้ดังนี้คือ
        ๑. สอนขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี ความเชื่อถือ ค่านิยม ข้อห้าม
        ๒. แสดงถึงภาพสังคม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ ของชุมชนในสมัยก่อน
        ๓. เล่าเรื่องในวรรณคดี นิยาย นิทาน    
        ๔. แสดงความรัก ความห่วงใย การปลอบโยน ให้รางวัล ขู่ หรือขอสิ่งต่างๆให้เด็ก
        ๕. อบรมสั่งสอน ให้คติสอนใจ ให้หลักธรรมหรือจริยธรรม
        ๖. สะท้อนความภาคภูมิใจในท้องถิ่น สภาพธรรมชาติ ภูมิศาสตร์ หรือ ประวัติศาสตร์


โดยทั่วไปแล้วเพลงกล่อมเด็กจะมีลักษณะที่คล้ายๆกันคือ
       ๑. เป็นเพลงที่รับช่วงต่อๆกันมา อาศัยการบอกกล่าว ไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร จดเป็นมุขปาฐะหรือถ่ายทอดด้วยปาก
       ๒. ใช้ภาษาง่ายๆ มีคำสัมผัสคล้องจองกันตลอด ทำให้ง่ายต่อการจดจำและขับร้องกล่อมได้ไพเราะ จึงจัดเป็นประเภทเพลงชาวบ้าน รวมรวบคติและความเชื่อของชาวบ้าน
       ๓. บทร้องมักจะสั้นยิ่งถ้าผู้รับการถ่ายทอดจดจำไม่ได้ เนื้อความก็จะขาดหายไปเพลงจะเหลือเท่าที่จำได้แต่ถ้าผู้รับการถ่ายทอดมีความสามารถ ก็อาจประดิษฐ์บทร้องให้ยาวขึ้น หรือสละสลวยขึ้นได้
       ๔. ไม่สามารถทราบได้ว่าใครเป็นผู้แต่ง เพราะอาศัยการสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน
       ๕. จึงไม่สามารถทราบอายุ หรือเวลาที่แต่งเพลงกล่อมเด็กได้
       ๖. เพลงเดียวกันอาจผิดเพี้ยนกันไปบ้าง จากสำนวนภาษาของแต่ละถิ่น การจดจำ ปฏิภาณ ความเข้าใจของผู้กล่อมเด็ก บางครั้งเพลงเดียวกัน คนกล่อมคนเดียวกัน ให้ร้องกล่อม 2 ครั้ง ก็อาจกล่อมไม่เหมือนกัน บางครั้งถ้าผู้กล่อมไม่เข้าใจคำศัพท์ในเนื้อเพลง ก็อาจเปลี่ยนคำใหม่ เพื่อให้เข้าใจความหมาย จึงทำให้เนื้อเพลงผิดเพี้ยนกันไป
     
        ลักษณะของเนื้อหาเพลงกล่อมเด็กภาคใต้โดยทั่วไปจะใช้ถ้อยคำง่าย ๆ มีเสียงคล้องจองกันแต่ไม่ได้บังคับลักษณะสัมผัส  สามารถยึดหยุ่นได้ตามทำนองของผู้ขับกล่อม  เพลงกล่อมเด็กภาคใต้ในแต่ละท้องถิ่นอาจเรียกชื่อแตกต่างกัน  เช่น  เพลงชาน้อง  เพลงร้องเรือ  หรือน้องนอน  เพลงกล่อมเด็กภาคใต้โดยทั่วไป วรรคแรกของเพลงกล่อมเด็กภาคใต้โดยทั่วไป  วรรคแรกของเพลงกล่อมเด็กมักขึ้นต้นด้วยคำว่า  “ฮาเอ๊อ”  หรือ  “ฮาเหอ”  เช่น

ฮาเหอ...เมรีเหอ          เมรีร่วมห้อง 
              มือขวาอุ้มน้อง                 มือซ้ายประคองอุ้มลูกไก่
                           เวลาน้องร้องไห้           เก็บดอกไม้มาโลมเจ้าทรามวัย
                              มือซ้ายระคองอุ้มลูกไก่    สายสุดใจร้องหาพระมารดา เหอ....

เพลง : ไก่เถื่อน
           “...ไก่เถื่อนเหอ...      ขันเทือนทั้งบ้าน        
ลูกสาวขี้คร้าน...        นอนให้แม่ปลุก
แม่เอาด้ามขวาน...      แทงวานดังพลุบ
         นอนให้แม่ปลุก...      ลูกสาวขี้คร้านเห้อ...”



เพลง : เดือนหก
“...เดือนหกเหอ          คางคกไถนา
       นางเขียดถอนกล้า                นางแม่ชูนาหมันช้างดำ
            หอยข้าวหอยโข่ง        โก้งโค้งจวกมายังค่ำ
                แมงดาตาตำ                        โหย้เรินช่างเลี้ยงน้องเหอ...”


















๑.ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเพลงร้องเรือ
        ๑.๑ ความหมายและชื่อเรียก
        เพลงร้องเรือเป็นข้อมูลทางคติชนวิทยาประเภทที่ต้องใช้ภาษา ซึ่งมักสืบทอดกันด้วยวิธีมุขปาฐะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งใช้ขับร้องเพื่อให้เด็กหลับเป็นเป้าหมายหลัก ในท้องถิ่นภาคใต้มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น เพลงร้องเรือ เพลงน้องนอน เพลงช้าน้อง และเพลงเสวก ในจังหวัดนครศรีธรรมราชเรียกเพลงร้องเรือมากกว่าชื่ออื่นๆ ด้วยเหตุผลเพลงกล่อมเด็กเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นประเภทมุขปาฐะชนิดหนึ่ง
        ๑.๒ วัตถุประสงค์ของการขับเพลงร้องเรือ

        การขับเพลงร้องเรือในท้องถิ่นนครศรีธรรมราช มีวัตถุประสงค์สำคัญ ๒ ลักษณะ คือ วัตถุประสงค์หลักและวัตถุประสงค์แฝง กล่าวคือ
                  ๑.๒.๑ วัตถุประสงค์หลัก คือ วัตถุประสงค์ที่มุ่งให้เด็กนอนหลับสบาย อบอุ่นทั้งกายและใจ ตัวอย่างเช่น                                 
(ฮาเอ้อเหอ) น้องนอนเหอ         นอนให้หลับดี
             แม่เซ้อทั้งสี่                           มาช่วยพิทักษ์รักษา
               อาบน้ำป้อนข้าว                     ช่วยรักษาเจ้าทุกเวลา
                     มาช่วยพิทักษ์รักษา               เด็กอ่อนนอนในเปล (เออ)
                         ๑.๒.๒วัตถุประสงค์แฝง คือ วัตถุประสงค์ที่มุ่งประเด็นอื่นๆ นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ เป็นต้นว่า มุ่งอบรมสั่งสอนหรือเตือนสติผู้ขับร้อง หรือผู้ฟังโดยทั่วไป มุ่งให้แสดงความรู้เชิงศิลป์และศาสตร์ มุ่งระบายอารมณ์ความรู้สึก มุ่งเป็นสื่อรักระหว่างผู้ขับร้องกับผู้ฟัง และมุ่งเล่นเป็นบทปฏิพากย์ ตัวอย่างเช่น
                                อบรมสั่งสอนหรือเตือนสติ
                 นกเขาขุดเข้าเหอ  เช้าเช้าจอแจ
      ลูกไม่ฟังแม่                 อี้ดีที่ไหน
              รักแขกไม้แขก              รักไทยได้ไทย
          อี้ดีที่ไหน                      ลูกไม่ฟังแม่
ฯลฯ
                     การแสดงหรือให้ความรู้
              เมืองคอนเหอ                   มีผ้าลายทองเป็นพับพับ
 จัดเป็นสำหมฺรับ                       ประดับทองห่างห่าง
           จะนุ่งถ้าไม่สม                          จะห่มจะไม่ควรเจ้าเอวบาง
ประดับทองห่างห่าง                สำหมฺรับขุนนางนุ่ง
ฯลฯ
         การระบายอารมณ์ความรู้สึก
           ไอ้ฉากหัวเหอ            อย่ายั่วอย่าแรง
ฉากหัวพ่อมึงไอ้ช้างแทง     แยงกูเอาไหร
   แยงเอาผ้านุ่ง                       ทุ้งเอาแหวนใส่
         แยงกูเอาไหร                       ฉากหัวมันร้อยท่อน
ฯลฯ
         การแสดงความรักหรือส่งสารรัก
                     รักกันเหอ                   รักกันคนท่าหลิ่ง
                            รักกันจริงจริง                   ไซไม่ทอดพานกันเข้ามา
                   ทอดด้วยไม้ไผ่                 น้องไม่สู้ไต่พี่หัวผ้า
            ไซไม่ทอดพานกันเข้ามา   สองราวารักกัน
ฯลฯ
                   การเล่นบทปฏิพากย์ 
                         ฟ้าลั่นเหอ                        ลั่นมาผ่าไม้ไผ่ที่ชายใส
           ตัวพี่ดำเหมือนถ่านไฟ                   ตัวน้องไม่เอามาเป็นผัว
     ถ้าเงินทองน้องยังเหมือนแต่ไหร   จะไถพี่ชายไว้แลวัว
   ตัวน้องไม่เอามาเป็นผัว                   ชายชั่วติดเงินเขา
ฯลฯ


๒. รูปแบบ และโครงสร้างของเพลงร้องเรือ
          เพลงร้องเรือที่แพร่หลายในท้องถิ่นนครศรีธรรมราช มีฉันท์ลักษณ์ รูปแบบ โครงสร้าง ค่อนข้างจะแน่นอนดังนี้

        
          ๒.๑ รูปแบบ
          เพลงร้องเรือในท้องถิ่นเมืองนครศรีธรรมราช มีตั้งแต่บทหนึ่งมี ๔วรรค จะถึงหนึ่งบทมี ๑๒ วรรคเพลงร้องเรือประเภทที่บทหนึ่งมี ๘ วรรค มีปริมาณมากกว่าประเภทอื่นๆ ดังนี้
                  ๒.๑.๑ เพลงร้องเรือบทหนึ่งมี ๔ วรรค มีลักษณะดังนี้
                  ตัวอย่างเช่น

ตะหลุ้งกริ้งกริ่งเหอ    มุ่งมิ่งมืดแล้ว
   นอนเถิดน้องแก้ว               มืดแล้วจงนอนหลับ

ฯลฯ

                 
       ๒.๑.๒ เพลงร้องเรือบทหนึ่งมี ๖ วรรค มีลักษณะดังนี้
                  ตัวอย่างเช่น
                     นางนกเหวกเหอ     บินสูงเทียมเมฆคาบอกเกสร
ปีกมันลายลาย                 พี่ชายไว้ทำหัวหมอน
คาบดอกเกสร                  หัวหมอนนางนกเหวก

ฯลฯ
                      ๒.๑.๓ เพลงร้องเรือที่บทหนึ่งมี ๘ วรรค มักมีลักษณะดังนี้
                 ตัวอย่างเช่น

                                                เดือนขึ้นเหอ         ขึ้นมาเป็นแสง

                                        น้ำเต้าพอทรามแกง      หวงไว้ทำไหร

                                       หวงไว้นานนาน             ไอ้โม่กลางบ้านหมันลักไซ

                                       หวงไว้ทำไหร               น้ำเต้าพอทรามแกง

ฯลฯ

            
            ๒.๑.๔ เพลงร้องเรือหนึ่งบทมี ๑๐ วรรค มักมีลักษณะดังนี้
                  ตัวอย่างเช่น

                                               นางนกเหอ               นางนกขาไตร

                                      อู่แต่แรกแต่ไหร                 นางนกขาไตรไม่ห่อนร้อง

                                     ตั้งแต่พี่พลัดพรากไปจากน้อง   นกเหอหมันร้องน่าสงสาร

                                     ตัวผู้บินไปเสีย                    ยังแต่ตัวเหมียร้องเป็นบางบาน                                                      นกเหอมันร้องน่าสงสาร      ทำให้พี่รำคาญใจ

                    ๒.๑.๕ เพลงร้องเรือที่บทหนึ่งมี ๑๒วรรคมักมีลักษณะดังนี้
                   ตัวอย่างเช่น
  นางโนราเหอ         นางโนราโนรี
อาบน้ำในสระศรี           ทั้งเจ็ดคนพี่น้อง
     นายพรานจ้องแลเห็น   ใช้นาคบาศมาคล้อง
      ทั้งเจ็ดคนพี่น้อง           คล้องได้แต่นางโนรา
  โหมพี่ทั้งหกคน            ขึ้นร่อนอยู่บนเวหา
   คล้องได้แต่นางโนรา    พรานป่าหมันพาไป

            
๒.๒ โครงสร้างของเพลงร้องเรือ
        โครงสร้างของเพลงร้องเรือ มีลักษณะของการขึ้นต้นและการลงท้าย การขึ้นตนและลงท้ายของเพลงร้องเรือ ในแต่ละท้องถิ่นแต่ละภาคจะแตกต่างกัน เพลงร้องเรือภาคใต้ โดยเฉพาะเพลงร้องเรือในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช มีลักษณะการขึ้นและการลงท้ายที่มีลักษณะเป็นคำสร้อย
          ก. ขึ้นต้นด้วย “ฮาเอ้อ (เอ๋อ)...เหอ...”
          ข. ลงท้ายด้วย “เหอ”...หรือ “เอ๋อ...


๓.เนื้อหาเพลงร้องเรือ
         เพลงร้อง เรือที่แพร่หลายในท้องถิ่นนครศรีธรรมราชมีเนื้อหาหลากหลาย พอจะสรุปเป็นประเด็นสำคัญๆ ได้ ๗ ประการ เนื้อหาที่พรรณนาความรักความห่วงใยและความเอาอกเอาใจที่พ่อแม่มีตอลูก พี่มีน้อง ลุง ป้า น้า อา ปู่ย่า ตายาย มีต่อหลานเนื้อหาที่ขู่ให้กลัว เนื้อหาที่เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ เนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษา ศาสนา และประเพณี เนื้อหาเกี่ยวกับ ธรรมชาติ และเนื้อหาเกี่ยวกับวรรณคดีและนิทาน ท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น
            ๓.๑ เนื้อหาที่พรรณนาความรักความห่วงใยและเอาอกเอาใจ
          ลูกนอนเหอ      นอนให้หลับใหล
นอนหลับจับใจ        ในหอศิลาราตรี
 ความเจ็บอย่ารู้ใกล้   ความไข้อย่ารู้มี
        ในหอศิลาราตรี         ความไข้อย่ามีเหลย
ฯลฯ

           ๓.๒ เนื้อหาที่ขู่ให้กลัว
                                                     งู เขียวเหอ       ตัวเดียวลายพร้อย

                                                 งู เขียวตัวน้อย      ห้อยหัวลงมา

                                                เด็กนอนไม่หลับ    มากินตับเสียเถิดหวา

                                                ห้อยหัวลงมา         เด็กเหอยิ่งนอนหลับ

ฯลฯ

           
๓.๓ เนื้อหาสะท้อนสภาพหลังคมด้านต่างๆ
           เพลงร้องเรือที่แพร่หลายในท้องถิ่นนครศรีธรรมราช สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมด้านต่างๆหลายด้าน ดังเช่น
                   ๓.๓.๑ สภาพภูมิศาสตร์

                                                น้ำขึ้นเห้อ              ขึ้นมาเชี่ยว เชี่ยว

                                        ชวนเพื่อนไปจับเปี้ยว    ที่บางคลองควาย

                                        จวนเข้ตัวใหญ่               ตกใจดังว๊าย

                                        ที่บางคลองควาย          เพื่อนเหอช่วยพาไป

ฯลฯ

                    ๓.๓.๒ สภาพเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

                                      เมือองคอนเหอ               แต่ก่อนเขาเล่าสืบมา

                            พระศรีธรรมโศกราชมีวาสนา     ก่อพระมหาธาตุยอดทองคำ

                            มีมหาชนมาบูชา                        ผู้คนมานับถืออุปถัมถ์

                            ก่อพระมหาธาตุยอดทองคำ      เช่าค่ำมืดมีคนไหว้

ฯลฯ

                    ๓.๓.๓ ค่านิยมและความเชื่อ
                   ค่านิยมปรากฏในเพลงร้องเรือเมืองนครศรีธรรมราชมีทั้งค่านิยมที่เกี่ยวกับบุคล ครอบครัว กลุ่มชนและสถาบันทางสังคม ค่านิยมเกี่ยวดับจารีตประเพณี และค่านิยมเกี่ยวกับคุณธรรมเฉพาะท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น

                   ค่านิยมเกี่ยวกับบุคล

                   ตัวอย่างเพลงร้อง เรือที่มีเนื้อหาสะท้อนค่านิยม เกี่ยวกับตัวบุคล

                                            บ้านหนี้แก้วขาเหอ    เขาบือลือมาว่าสาวมาก

                                  สาวครกสาวสาก                 สาวเชียกสาวปอ
                                  สาวหูกสาวฝ้าย                   สาวไม่รู้ทอ

                                  สาวเชียกสาวปอ                 สาวไม่รู้ทอหูก

                                  พี่บ้าวน้อยเหอ                    มานี่นวลน้องอี้ขอถาม

                                 มานี่เถิดเหว้อพี่โฉมงาม      กราบน้องให้ถ้วนสักสามที

                                 นางโมกอข้อ                       รู้มั่งหรือพ่อเนื้อถี่

                                 กราบน้องให้ถ้วนสักสามที   ชี้ตัวนอโมให้

ฯลฯ

         จากเพลงร้องเรือที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นถึงค่านิยมส่วนหนึ่งว่า หากเป็นสตรีต้องมีคุณสมบัติอันสำคัญประการหนึ่งในคุณสมบัติหลายๆประการ คือต้องชำนิชำนาญใน “กิจบ้านงานเรือน” อันมีการทอหูก เป็นต้น หากเป็นผู้ชายก็ต้องมีคุณสมบัติอันสำคัญประการหนึ่งในคุณสมบัติหลายๆประการเช่นกัน คือ ต้อง “รู้หนังสือ” ดังนี้ เป็นต้น
           
               
           ค่านิยมเกี่ยวกับระบบครอบครัว
                  ตัวอย่างเพลงร้องเรือที่มีเนื้อหาสาระค่านิยมเกี่ยวกับระบบครอบครัว เช่น

                                           นอนต้าเหวอน้องนอน     สายสมรอรทัยสุดใจพี่
                                  ความเจ็บความไข้ก้าไหม้มี      ขวัญพี่อย่าร้องเหลยน้อง เหย
                                  โปย่าตายายอยู่ใกล้แก่            ได้อุ้มชูดูแลแม่ทรามเชย
                                  ขวัญพี่อย่าร้องเหลยน้องเหย   เกิดมาเรามีกรรม
                                  เดือนขึ้นเหอ                            ขึ้นมาเป็นแสง
                                  น้ำเต้าพอทรามแกง                 หวงไว้ทำไหร
                                  หวงไว้นานนาน                       ไอ้ไม่กลางบ้านหมันลักไช
                                  หวงไว้ทำไหร                          น้ำเต้าพอทรามแกง

           จากเพลงร้องเรือที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า เพลงร้องเรือมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับค่านิยมในส่วนระบบครอบครัวอยู่ด้วย ในที่นี้แสดงให้เห็นถึงค่านิยมส่วนหนึ่ง เกี่ยวกับระบบครอบครัวว่าในระบบครอบครัวของคนนครศรีธรรมราชนั้น ญาติผู้ใหญ่จะต้องถือเป็นภาระหน้าที่ที่จะใส่ใจอนุเคราะห์เลี้ยงดูผู้เยาว์วัย หรืออ่อนอาวุโสกว่า และเมื่อสมาชิกในครอบครัวโตที่จะมีคู่ครองได้ บิดามารดาหรือญาติผู้ใหญ่ ก็ไม่ควรจะห่วงไว้ แต่ควรจะจัดการให้มีคู่ครองที่ดีและเหมาะสมต่อไป พฤติกรรมดังกล่าวนี้เป็นค่านิยมที่สำคัญประการหนึ่ง สำหรับระบบครอบครัวของคนนครศรีธรรมราช ดังนี้เป็นต้น

๔. คุณค่าของเพลงร้องเพลง
          เพลงร้องเรือเมืองนครศรีธรรมราชมีคุณค่าหลายประการคือ คุณค่าด้านอารมณ์ สังคม สติปัญญา คติธรรม และ ศิลปะวรรณคดี

             คุณค่าด้านอารมณ์
          ๑.เสาวรจนี คือ รสแห่งความงาม ความไพเราะ ได้แก่ การพรรณนาความงามของธรรมชาติสถานที่ มนุษย์และสัตว์ เป็นต้น ตัวอย่าง เช่น

                                                  เมืองคอนเหอ     ไปแลพระนอนพระนั่ง
                                           พระพิงเสาดั้ง             หลังคามุงเบื้อง
                                           เข้าไปในห้อง             ไปแลพระทองทรงเครื่อง
                                           หลังคามุงเบื้อง           ทรงเครื่องดอกไม้ไหว 
ฯลฯ

          ๒.นารีปราโมทย์ คือรสแห่งความรัก ความพึงพอใจ ได้แก่ การเกี้ยวพาราสี หรือการโอ้โลมปฏิโลม ตัวอย่างเช่น

                                                เดือนขึ้นเหอ           ขึ้นมากางกรด

                                          ยกนางขึ้นใส่รถ             จูบพลางชมพลาง

                                          จูบแก้วน้องหอมหมาก  จูบปากน้องหอมเทียนราง

                                          จูบพลางชมพลาง          หว่างนางเขามีคู่

ฯลฯ

           ๓.พิโรธวาทัง คือรสแห่งความโกรธ เกลียด เคียดแค้น ชิงชังได้แก่การตัดพ้อต่อว่า การเสียดสี และการบริภาษ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น

                                                ไอ้ฉากหัวเหอ            อย่ายั่วอย่าแรง

                                        ฉากหัวพ่อมึงไอ้ช้างแทง   แยงกูเอาไหร

                                        แยงเอาผ้านุ่ง                     ทุ้งเอาแหวนใส่

                                       แยงกูเอาไหร                      ฉากหัวมันร้อยท่อน


            ๔. สัลลาปังคพิสัย คือรสแห่งความโศกเศร้า พรรณนาถึงความเจ็บปวด ความทุกขเวทนา ความเหงาหงอย ความอ้างว้างว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย เป็นต้น ตัวอย่างเช่น
                                              พระรถเหอ                   เมื่อเจ้ากำศรดออกจากห้อง
                                     เหลี่ยวหลังสั่งนวลน้อง         น้ำเนตรพระทองลงหลามไหล
                                     ฉวยได้กำพดกับห่อยา          ดวงเนตรแม่ป้าพาเอาไป
                                     น้ำเนตรพระทองลงหลามไหล  ไม่ตายค่อยพบกัน
ฯลฯ

            คุณค่าด้านสังคม
            เพลงร้องเรือเมืองนครศรีธรรมราช มีเนื้อหาสะท้อนภาพสังคมด้านต่างๆหลายด้าน จึงก่อให้เกิคุณค่าทางสังคมหลายประการ คือ เป็นสื่อที่ทำให้ผู้ศึกษาได้รู้จักและเข้าใจสภาพชีวิตในแงมุมต่างๆ ของสังคมได้เป็นอย่างดีเช่น สภาพภูมิศาสตร์ เหตุการ์ทางประวัติศาสตร์ ค่านิยม ความเชื่อ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น

                                            เมืองคอนเหอ             มีผ้าลายทองเป็นพับพับ

                                  จัดเป็นสำหมฺรับ                    ประดับทองห่างห่าง

                                  จะนุ่งถ้าไม่สม                       จะห่มจะไม่ควรเจ้าเอวบาง

                                  ประดับทองห่างห่าง             สำหมฺรับขุนนางนุ่ง

ฯลฯ


            คุณค่าด้านสติปัญญา
            เพลงร้องเรือเมืองนครศรีธรรมราช มีเนื้อหาสาระหลายลักษณะ ซึ่งรวมเป็นประเด็นสำคัญๆได้ ๒ ประเด็น คือ สาระทางด้านศาสตร์และศิลป์ การศึกษาจากศาสตร์และศิลป์จากเพลงร้องเรือ จึงก่อให้เกิดสติปัญญา และเพิ่มพูนภูมิปัญญาอย่างกว้างขวาง ตัวอย่างเช่น

                                                    เมืองคอนเหอ      มีพระนอนแจ่มจ้า
                                           มีโพธิ์ลังกา                   มีพระอุ้มทอง
                                           มียักษ์เขี้ยวยาว             ถือไม้ตะบอง
                                           มีพระอุ้มทอง                ฆ้องกลองอยู่เคียงกัน
ฯลฯ

            ด้านคติธรรม
            คติธรรมเกียวกับพระพุทธศาสนาและแนวปฏิบัติอันสืบเนื่องมาจากความเชื่อพื้นบ้าน ที่ปรากฏอยู่ในเพลงร้องเรือเมืองนครศรีธรรมราชอย่างแพร่หลายมีดังนี้ คือ การเคารพบูชาและกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา บุพการี การให้ความรัก ความเมตตาอุปการะเลี้ยงดูและอุปถัมภ์ค้ำชู บุตรธิดา และผู้อ่อนอาวุโส การยึดถือปฏิบัติตามจารีตประเพณี หรือกติกาของสังคมการมีใจเป็นธรรมรักษาความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง เป็นต้น ตัวอย่างเช่น

                                               เดือนขึ้นเหอ           ขึ้นมาเป็นแสง
                                     น้ำเต้าพอทรามแกง          หวงไว้ทำไหร
                                     หวงไว้นานนาน                ไอ้ไม่กลางบ้านหมันลักไช
                                     หวงไว้ทำไหร                   น้ำเต้าพอทรามแกง

             คุณค่าด้านวรรณศิลป์
             ๑.ใช้ถ้อยคำสำนวนเข้าใจง่ายและผูกพันอยู่กับวิถีชีวิตที่เป็นอยู่จริงของกลุ่มชนในท้องถิ่นนั้นๆ
             ๒.ใช้ถ้อยคำสั้น ง่าย ความหมายดี มีภาพพจน์ชัดเจน
             ๓.ใช้สัญลักษณ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชุมชนนั้นๆ
             ๔.ใช้ถ้อยคำก่อให้เกิดภาพพจน์หลายลักษณะ






ประโยชน์ของเพลงกล่อมเด็ก
       ๑. ช่วยให้เด็กหลับง่าย ทำำให้ไม่รบกวนพ่อแม่หรือผู้ปกครอง จึงทำให้มีเวลาทำงานอื่นมากขึ้น
       ๒. ช่วยให้เด็กหลับอย่างเป็นสุข
       ๓. ช่วยให้เด็กรู้สึกอบอุ่นใจ ไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้งขณะนอนหลับ
       ๔. ทำให้เด็กได้ฟังสิ่งที่ไพเราะดีงาม
       ๕. ทำให้เด็กมีความเจริญทางด้านอารมณ์ที่ดีงาม
       ๖. ทำให้เด็กมีความเจริญทางด้านจิตใจที่ดีงาม
       ๗. ช่วยให้เด็กได้พักผ่อนเต็มที่ จึงทำให้การเจริญเติบโตของร่างกายดีขึ้น
       ๘. ทำให้เด็กมีความเจริญทางด้านสังคม สมาคมกับเพื่อนฝูงได้ดี
       ๙. ทำให้เด็กเพลิน มีจินตนาการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงาม
       ๑๐. ทำให้เด็กมีความประทับใจ ในเสียงเพลงและบทเพลง
       ๑๑. ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ทางภาษา ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับจริยธรรม ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม เหตุการณ์ชีวิตประจำวัน ฯลฯ ตามเนื้อหาของเพลงกล่อมเด็กนั้นๆ